บทเรียนจากจีนสำหรับสหรัฐฯ

บทเรียนจากจีนสำหรับสหรัฐฯ 'ชัยชนะในการแข่งขัน AI ต้องอาศัยมากกว่าแค่ชิป'
15-10-2025
SCMP รายงานว่า บทเรียนจากจีน การแข่งขัน AI ต้องอาศัย 'ฟูลสแตก' (Full-Stack) ชี้ชิปเพียงอย่างเดียวไม่อาจนำสู่ชัยชนะเหนือสหรัฐฯ
ในการประชุม Apsara ประจำปีของ อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง (Alibaba Group Holding) ณ เมืองหางโจว (Hangzhou) เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นายเอ็ดดี้ อู๋ หยงหมิง (Eddie Wu Yongming) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท ได้ประกาศแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของอาลีบาบา (Alibaba) โดยมุ่งเป้าไปที่การเป็น "ผู้ให้บริการ AI แบบฟูลสแตกชั้นนำของโลก (world’s leading full-stack AI service provider)" ซึ่งหมายถึงการครอบคลุมศักยภาพในทุกส่วนของเทคโนโลยี ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงแอปพลิเคชัน
แผนงานดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับเชิงยุทธศาสตร์สำหรับ อาลีบาบา แต่ยังเน้นย้ำถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างบริษัทเทคโนโลยีของ จีน และ สหรัฐอเมริกา ในอนาคตของ AI ซึ่งเป็นสาขาที่ดึงดูดการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีนัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และภูมิรัฐศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
การแข่งขันที่เปลี่ยนผ่านสู่ Hyperscalers
นายไคล์ ชาน (Kyle Chan) นักวิจัยหลังปริญญาเอก (postdoctoral researcher) จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) กล่าวว่า เวที AI ได้เปลี่ยนผ่านจากการมุ่งเน้นที่ แบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ เพียงอย่างเดียว ไปสู่การครอบคลุม ฮาร์ดแวร์ต้นน้ำ (upstream hardware) และ แอปพลิเคชันปลายน้ำ (downstream applications)
นายชาน (Chan) ระบุว่า จีน กำลังเผชิญกับ "การแข่งขัน AI ที่แตกต่าง (different AI race)" จากสหรัฐฯ เนื่องจากในปัจจุบันการมีเพียงแบบจำลองพื้นฐาน (foundational model) ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องมีชิปที่ดีที่สุด อัลกอริทึมที่ดีที่สุด และแอปพลิเคชันที่ดีที่สุดครอบคลุมทั้ง AI Stack จึงจะสามารถโดดเด่นในเวทีที่มีการแข่งขันสูงได้
นักวิเคราะห์บางรายให้เหตุผลว่า การแข่งขัน AI ระหว่างจีน และสหรัฐฯ กำลังถูกขับเคลื่อนโดย "Hyperscalers" หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีศักยภาพหลักครอบคลุมทั้ง AI Stack
มีการประมาณการว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีนจะใช้จ่ายรวมกันมากกว่า 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปีนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศโรมาเนีย (Romania)
สหรัฐฯ: ความหมกมุ่นใน AGI และการจำกัดชิป
แผนปฏิบัติการ AI ของรัฐบาล ทรัมป์ (Trump) ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการส่งออกเทคโนโลยี "American AI" ทั่วโลก โดยมี Nvidia (เอ็นวิเดีย) และ OpenAI (โอเพ่นเอไอ) เป็นผู้นำ นายเจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia คาดการณ์ว่า OpenAI อาจกลายเป็น "บริษัท Hyperscale มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ (multi-trillion-dollar hyperscale company)" จากการขยายผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นายชาน (Chan) ชี้ให้เห็นว่า การที่สหรัฐฯ มุ่งเน้นอย่างมากในการบรรลุ ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence - AGI) ก่อนจีน ได้นำไปสู่การให้ความสำคัญกับการขยายทรัพยากรการประมวลผลและการจำกัดการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductors) ขั้นสูงของจีน (China) มากเกินไป ซึ่งอาจแลกมากับการพัฒนา ฟูลสแตก (full US stack)
จีน: กลยุทธ์ 'AI Plus' และการนำไปใช้จริง
ในทางตรงกันข้าม นายโจ ไช่ (Joe Tsai) ประธาน อาลีบาบา (Alibaba) เน้นย้ำว่า ผู้ชนะในสงคราม AI ไม่ควรถูกกำหนดโดย "ใครที่คิดค้นแบบจำลอง AI ที่แข็งแกร่งที่สุด" แต่โดย "ใครที่สามารถนำไปใช้ได้เร็วกว่า"
รัฐบาลจีน กำลังเดิมพันกับการบูรณาการ AI เข้ากับภาคอุตสาหกรรมและการผลิตที่แข็งแกร่งของประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า "AI Plus"
หุ่นยนต์: จีน เป็นผู้นำของโลกในการติดตั้ง หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (industrial robot installations) โดยมีหุ่นยนต์ที่ใช้งานอยู่ถึง 2.027 ล้านตัว ข้อมูลจาก International Federation of Robotics นอกจากนี้ ปักกิ่ง (Beijing) ได้กำหนดให้ "ปัญญาประดิษฐ์ในกายภาพ (embodied intelligence)" ซึ่งเป็น AI ที่บูรณาการเข้ากับเครื่องจักรทางกายภาพ เป็นอุตสาหกรรมหลักในอนาคตเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม
มาร์ติน คาซาโด (Martin Casado) และ แอนน์ นอยเบอร์เกอร์ (Anne Neuberger) จากบริษัทร่วมลงทุน Andreessen Horowitz กล่าวว่า "จีน กำลังนำหน้าอย่างมากในส่วน Hard-Power ของ AI นั่นคือ วิทยาการหุ่นยนต์ (robotics)... ประเทศที่กำลังเดิมพันกับอนาคตนั้นคือจีน ไม่ใช่สหรัฐฯ "
ระบบนิเวศโอเพ่นซอร์สที่กำลังเติบโต
แม้ว่า อาลีบาบา จะมีการใช้จ่ายที่ตามหลังยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แต่จีน ก็มีความได้เปรียบในด้าน ระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส (open-source ecosystem)
นายนาธาน แลมเบิร์ต (Nathan Lambert) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โอเพ่นซอร์ส กล่าวในการประชุมอุตสาหกรรมเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า "Qwen เพียงตัวเดียวก็เกือบจะเทียบเท่ากับระบบนิเวศแบบจำลองโอเพ่นของอเมริกา (American open model ecosystem) ทั้งหมดแล้วในปัจจุบัน"
นอกจากนี้ การสร้างระบบนิเวศ AI ที่พึ่งพาตนเองกำลังเกิดขึ้นในจีน (China) ผ่านความร่วมมือระหว่าง หัวเว่ย (Huawei) และ DeepSeek ในตัวอย่างล่าสุด Hygon Information Technology และ Cambricon Technologies ได้ประกาศการสนับสนุนชิป "Day Zero" สำหรับแบบจำลองพื้นฐานใหม่ของ DeepSeek ขณะที่ หัวเว่ย (Huawei) กล่าวว่ากำลังพัฒนาตัวดำเนินการหลัก (core operators) สำหรับภาษาโปรแกรมใหม่ที่เรียกว่า TileLang (ไทล์แลง)
นายโป จ้าว (Poe Zhao) นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีกล่าวว่า "การประสานงานนี้บ่งชี้ถึงการจัดแนวร่วมทางยุทธศาสตร์ มันเป็นระยะที่สองของแคมเปญที่จงใจสร้าง AI Stack ที่พึ่งพาตนเอง เป็นอิสระจากอิทธิพลของ Nvidia (Nvidia’s influence)"
ท้ายที่สุดแล้ว ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ (US) ยังคงเชื่อว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐฯ (US technologies) ยังคงมีความสำคัญต่อความทะเยอทะยานด้าน AI ของจีน (China) นายอู๋ (Wu) ซีอีโอของอาลีบาบา (Alibaba) เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่มีชีวิตชีวา โดยกล่าวว่าในอนาคตจะมี "Hyperscalers ทั่วโลกเพียงห้าหรือหกรายเท่านั้น" ซึ่งแสดงนัยว่า อาลีบาบา (Alibaba) จะเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/tech/tech-war/article/3328568/chinas-lesson-us-it-takes-more-chips-win-ai-race?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article
Illustration: Lau Ka-kuen