.
ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนปักกิ่งวันที่ 2 รัฐบาลจีนต้อนรับถวายพระเกียรติยศสูงสุด
15-11-2025
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ มหาศาลาประชาชน จีนยิงสลุต 21 นัด ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเคารพในระดับสูงสุด การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา ดังใจความตอนหนึ่งว่า ข้าพเจ้าก็ยินดีที่มีโอกาสได้มาเยือน และได้เห็นความเจริญก้าวหน้าความสวยงาม ของเมืองมีความชื่นใจภูมิใจที่ ประเทศของเราทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ ฉันมิตรอย่างใกล้ชิด ที่สุด และได้มีการแลกเปลี่ยนและมีกิจกรรมหลายอย่าง ที่ได้ร่วมทำด้วยกัน
วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.35น. (เวลาท้องถิ่น) พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังมหาศาลาประชาชน บริเวณลานด้านทิศตะวันออก ณ ที่นั้น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และศาสตราจารย์เผิง ลี่หยวน ภริยา พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง สาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพ พร้อมด้วยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามลำดับ ฝ่ายจีนยิงสลุต 21 นัด ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเคารพในระดับสูงสุด ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางทหารสากลที่ใช้ในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ของชาติ เสร็จแล้ว ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ กราบบังคมทูลรายงานและเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงตรวจแถวทหารเกียรติยศ เป็นภาษาจีน
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินผ่านแถวเด็กชาวจีนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ต่างโบกธงชาติไทย ธงชาติจีน และช่อดอกไม้
โอกาสนี้ ทรงแย้มพระสรวลและทรงโบกพระหัตถ์ทักทายเด็กชาวจีนเหล่านั้น จากนั้น เสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพอีกครั้ง เพื่อทอดพระเนตรการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศและการแปรขบวนของวงดุริยางค์ทหาร เมื่อเสร็จสิ้นการสวนสนามและการแปรขบวนดังกล่าวแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จึงเสด็จพระราชดำเนินเข้ายังอาคารมหาศาลาประชาชน
การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา ดังใจความตอนหนึ่งว่า ข้าพเจ้าก็ยินดีที่มีโอกาสได้มาเยือน และได้เห็นความเจริญก้าวหน้าความสวยงาม ของเมืองมีความชื่นใจภูมิใจที่ ประเทศของเราทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ ฉันมิตรอย่างใกล้ชิด ที่สุด และได้มีการแลกเปลี่ยนและมีกิจกรรมหลายอย่าง ที่ได้ร่วมทำด้วยกัน
ขณะที่นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลือกจีนเป็นประเทศแรกในการเยือนอย่างเป็นทางการ แสดงถึงความสำคัญที่ไทยให้กับความสัมพันธ์จีน–ไทย และสะท้อนถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศในแนวคิด “จีน–ไทยคือครอบครัวเดียวกัน”
สี จิ้นผิง กล่าวว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงเลือกจีนเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศแรกในการเสด็จฯ เยือนในฐานะการเยือนรัฐ และเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จฯ เยือนจีน นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งที่ไทยให้ต่อความสัมพันธ์ไทย–จีน และมิตรภาพอันลึกซึ้งที่อธิบายได้ด้วยคำว่า “จีน–ไทยใช่มิตร ใกล้ชิดดุจพี่น้อง”
สี จิ้นผิง ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเมื่อไม่นานมานี้ และทรงกล่าวว่าพระราชวงศ์ไทยมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับจีน พร้อมทั้งทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างสองประเทศ ซึ่งจีนรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง
เนื่องในโอกาสที่ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และเป็น “กึ่งศตวรรษทองแห่งมิตรภาพไทย–จีน” สี จิ้นผิงกล่าวว่า ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา แม้สถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จีนและไทยก็ยังคงร่วมแรงร่วมใจกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองประเทศเป็นดั่งญาติที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี
สี จิ้นผิง กล่าวว่าบนจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่นี้ พระองค์ประสงค์จะร่วมมือกับพระมหากษัตริย์ไทยในการส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน–ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้ก้าวหน้าไปอีกในช่วง 50 ปีข้างหน้า และร่วมกันเขียนบทใหม่แห่งมิตรภาพไทย–จีน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์ Facebook ส่วนตัว ระบุว่า "ปธน.สีจิ้นผิง กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง จีนซื้อข้าวไทยห้าแสนตัน" ซึ่งมีประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นใต้โพสต์ แสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่าน ทรงพระเจริญ และขอบคุณท่านนายกฯ ที่แจ้งข่าวดีมากๆ
ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้เข้าไปตอบด้วยว่า นี่แหละครับ คือความหมายของคำว่า "พระบรมเดชานุภาพ"
ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องตะวันออก พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง สาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และทรงพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัย โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะนายกรัฐมนตรี ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย
สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงแรมไชนาเวิลด์ กรุงปักกิ่ง โรงแรมที่ประทับ มหาศาลาประชาชน ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน เปิดใช้งานเมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๒ (คริสตศักราช ๑๙๕๙) เป็นหนึ่งในอาคารของโครงการ “สิบมหาอาคาร” ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบ ๑๐ ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและการทูตของประเทศ ใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมกับคณะผู้แทนจากต่างประเทศในการเยือนอย่างเป็นทางการ หรือเพื่อปฏิบัติงาน รวมทั้งการจัดงานเฉลิมฉลองในวาระสำคัญต่าง ๆ ที่มีประมุขและผู้นำระดับสูงเข้าร่วม
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ณอนุสาวรีย์วีรชน จัตุรัสเทียนอันเหมิน และทอดพระเนตรสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ วัดหลิงกวง ศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์กรุงปักกิ่ง ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีด้านอวกาศจีน ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมวิทยาศาสตร์นักบินจีน และศูนย์ควบคุมการบินอวกาศกรุงปักกิ่ง
IMCT News
----------------------------
“การเสด็จเยือนจีนในฐานะการเยือนรัฐครั้งประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทยคาดว่าจะเปิดบทใหม่แห่งมิตรภาพไทย–จีน”
15-11-2025
ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย เสด็จฯ เยือนจีนในฐานะการเยือนรัฐ ระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันจันทร์ การเสด็จฯ เยือนครั้งนี้ได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางไม่เพียงแต่จากสื่อจีนและไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างประเทศด้วย เหตุใดการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้จึงเป็นที่จับตาของทั่วโลก?
Thai PBS World ให้ความเห็นว่าการเสด็จฯ เยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้กำลังจะ “เขียนบทใหม่แห่งมิตรภาพไทย-จีน” นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 พระราชวงศ์ไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย–จีน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ได้รับเหรียญมิตรภาพจากจีน ได้เสด็จฯ เยือนจีนมากกว่า 50 ครั้ง การเสด็จฯ เยือนของพระมหากษัตริย์ไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลปัจจุบันเสด็จฯ เยือนจีน นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 50 ปีก่อน อันเป็นการเติมเต็มช่องว่างในประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนระดับทวิภาคี
นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ต่างประเทศอย่างเป็นทางการเพียงครั้งเดียวคือไปภูฏาน จีนจึงเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศแรกที่พระองค์เสด็จฯ เยือนอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งที่ราชวงศ์ไทยมีต่อจีน
เก้อ หงเหลียง รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี กล่าวกับ Global Times ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย–จีน หรือ “กึ่งศตวรรษทองแห่งมิตรภาพไทย–จีน” การเสด็จฯ เยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้แสดงให้เห็นว่าหลักคิดที่ว่า “จีน–ไทยใช่มิตร ใกล้ชิดดุจพี่น้อง” ได้ก้าวไปสู่ระดับใหม่ เก้อกล่าวเสริม
เหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจึงถูกขนานนามว่า “พี่น้อง一家亲” และสามารถพัฒนาอย่างมั่นคงต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา? เก้ออธิบายว่า เป็นเพราะความใส่ใจในผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมและแนวทางปฏิบัตินิยมที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นมาโดยตลอด ในปี 2518 ทั้งสองประเทศได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นจริงด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต แม้จะอยู่ท่ามกลางข้อจำกัดของสงครามเย็นและความแตกต่างทางอุดมการณ์ก็ตาม นับแต่นั้นมา แม้ภูมิทัศน์การเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ความสัมพันธ์ไทย–จีนก็ยังคงแข็งแกร่งเสมอมา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูง แนวคิด “จีน–ไทยใช่มิตร ใกล้ชิดดุจพี่น้อง” ได้ถูกยกระดับให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยได้ส่งเสริมความร่วมมือกับจีนในหลากหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ในด้านความมั่นคง จีนและไทยมีการฝึกผสมเป็นประจำทุกปี ในด้านเศรษฐกิจ ไทยเป็นประเทศอาเซียนประเทศแรกที่บังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีกับจีน ส่วนด้านการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ความผูกพันทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งระหว่างทั้งสองชาติก็เห็นได้ชัดในหลายบริบท
ประเทศไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนและเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเสด็จฯ เยือนของพระมหากษัตริย์ไทยครั้งนี้ไม่เพียงสืบสานมิตรภาพดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณสำคัญไปยังประเทศอาเซียนอื่น ๆ ว่าจีนนั้นเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้สำหรับประเทศในภูมิภาค ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมักจัดลำดับความสำคัญของภูมิภาคใกล้เคียงไว้เป็นอันดับแรก และมุ่งมั่นสร้างมิตรภาพและหุ้นส่วนกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
การเสด็จฯ เยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้ยังคาดว่าจะยกระดับความเป็นหุ้นส่วนระหว่างจีน–ไทยให้ก้าวสู่ระยะใหม่ของการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น กำหนดการเสด็จฯ ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชม “เมืองอวกาศปักกิ่ง” และศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์มนุษย์ในกรุงปักกิ่ง อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างความร่วมมือใหม่ในสาขาแนวหน้าต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีอวกาศและปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการด้านการพัฒนาของทั้งสองฝ่าย จีนมีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี อาทิ เทคโนโลยีอวกาศ เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสีเขียว ขณะที่ไทยกำลังเดินหน้าผลักดันยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ทำให้เกิดพื้นที่ความร่วมมือที่กว้างขวางในกระบวนการปรับเปลี่ยนและยกระดับเศรษฐกิจ
การเสด็จฯ เยือนของพระมหากษัตริย์ไทยครั้งนี้ยังส่งสารชัดเจนไปยังโลกว่า จีนคือ “เพื่อนบ้านที่มิอาจเคลื่อนย้ายได้” และเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน แนวทางดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกันและความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่เพียงแต่จะเขียนบทใหม่ของโชคชะตาร่วมระหว่างจีน–ไทยเท่านั้น แต่ยังนำเสนอสติปัญญาตะวันออกอันทรงคุณค่า ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ที่มา The Global Times