.
สีหศักดิ์แจงคณะทูตไทยจำเป็นต้องดำเนินการทางทหารถึงที่สุด
9-12-2025
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว แจงคณะทูตกัมพูชารุกล้ำไทยก่อน ไทยมุ่งปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน จำเป็นต้องดำเนินการทางทหารอย่างถึงที่สุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา มีเอกอัครราชทูตจาก 58 ประเทศ 1 องค์กร และสององค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 73 คน
นายสีหศักดิ์ได้ย้ำต่อคณะทูตใน 5 ข้อหลัก
1) สถานการณ์ตอนนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งถึงการกระทำเดิมของกัมพูชาที่รุกล้ำไทยก่อนแล้วปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ รวมถึงการยั่วยุ เช่น การวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา แม้พยายามสร้างภาพว่าเป็นผู้เรียกร้องสันติภาพ
2) ไทยมุ่งปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน จึงจำเป็นต้องดำเนินการทางทหารอย่างถึงที่สุด
3) สาธารณชนไทยหมดความอดทน อดกลั้นกับกัมพุชาที่ไม่เคยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของไทย รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญภัยคุกคามความปลอดภัยครั้งแล้วครั้งเล่า เราจึงต้องปกป้องอธิปไตยและประชาชนของเรา จนกว่าอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยจะไม่ถูกคุกคาม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
4) ท่าทีของไทยรวมถึงปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินไปจนกว่ากัมพูชาเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น การเลือกเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพที่แท้จริง
5) กัมพูชาเป็นฝ่ายเหยียบย่ำข้อตกลงหยุดยิงและถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ที่ได้ลงนามร่วมกันในเดือน ต.ค.ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ระบุถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังมีการปะทะเข้าสู่วันที่ 2 ว่า "เป้าหมายคือ กองทัพบก จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพ ขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา"
ด้าน เพจกองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความ ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรักษ์ จ.ศรีสะเกษ) ปะทะดุเดือด งานหิน งานโหด ส่งกําลังใจให้แนวหน้า
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงการปฏิบัติการทางทหารต่อเป้าหมายทางทหารกัมพูชาประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ผลการปฏิบัติทางทหารในการโจมตีเป้าหมายภายในขอบเขตเส้นปฏิบัติการ หรือ Line of Operation ที่เป็นภัยคุกคาม โดยภารกิจทั้งหมดถูกวางแผนและดำเนินการภายใต้หลักการปฏิบัติด้านความมั่นคงและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดต่อการป้องกันผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ
ในวันนี้ 8 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 ได้ตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน จากการตรวจสอบข้อมูลทางยุทธการพบว่า ฝ่ายกัมพูชา มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังทำการรบ และการเตรียมการยิงสนับสนุน ซึ่งอาจมีลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน จึงนำไปสู่การปฏิบัติทางทหาร เพื่อยับยั้ง และทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
มีการปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่.
1) การยิงทำลายตึกร้างที่ทำการเครือข่ายสแกมเมอร์ พื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
2) การยิงทำลายเสา Anti Drone พื้นที่พระวิหารและห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
3) การกวาดล้างสวนมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งรุกล้ำเส้นปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทางทิศตะวันออกช่องจอม
4) การเข้าควบคุมปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
5) การยิงทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงเนิน 350 ปราสาทตาควาย
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบตามหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ยึดหลักความจำเป็นและความ
ได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด โดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการทางทหาร และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
กองทัพภาคที่ 2 ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ และลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นต่อภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้เป้าหมายสูงสุด คือการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ที่มา Agencies
-----------------------------
เปรียบเทียบศักยภาพ 'กองทัพไทยและกัมพูชา' ไทยเหนือกว่าทางอากาศ แต่ กัมพูชานำโด่งด้านรถถังและ MLRS ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง
9-12-2025
Sputnik เทียบศักยภาพกองทัพไทย–กัมพูชา ท่ามกลางปะทะชายแดนปะทุหลังหยุดยิง 6 เดือน
– ท่ามกลางฉากหลังของความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นบริเวณชายแดนไทย และ กัมพูชา ซึ่งมีการปะทะปะทุขึ้นอีกครั้งภายหลังจากการหยุดยิงมาเป็นเวลาหกเดือน สำนักข่าว สปุตนิก (Sputnik) ได้ทำการวิเคราะห์รายละเอียดสำคัญโดยเปรียบเทียบศักยภาพกองทัพของสองประเทศในแง่ของพารามิเตอร์หลักต่าง ๆ
รายงานนี้ได้แจกแจงรายละเอียดและทำการเปรียบเทียบกำลังทหารของ กองทัพไทย (Thai Army) และ กองทัพกัมพูชา (Cambodian Army) ในประเด็นสำคัญ ดังนี้:
1. งบประมาณด้านกลาโหม (Defense Budget)
ช่องว่างด้านการเงินระหว่างสองประเทศค่อนข้างชัดเจน โดย งบประมาณด้านกลาโหม ของ ไทย (Thailand) อยู่ที่ 5,888 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (USD) ในขณะที่ กัมพูชา (Cambodia) มีงบประมาณอยู่ที่ 860 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (USD) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในการจัดสรรงบประมาณทางการทหารมากกว่าเจ็ดเท่า
2. กำลังพลและศักยภาพการเกณฑ์ทหาร
ในด้าน กำลังพลที่มีศักยภาพเข้ารับราชการทหาร ไทย (Thailand) มีจำนวนอยู่ที่ 28 ล้านคน ส่วน กัมพูชา (Cambodia) มีจำนวน 5.7 ล้านคน
สำหรับ กำลังพลประจำการ (Active Duty Personnel) หรือ กองทัพประจำการ (Standing Army) ไทย (Thailand) มีจำนวนกำลังพลอยู่ที่ 361,000 นาย และ กัมพูชา (Cambodia) มีกำลังพลประจำการอยู่ที่ 221,000 นาย
3. อำนาจทางอากาศ (Air Power)
อำนาจทางอากาศเป็นส่วนที่ ไทย (Thailand) มีความเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมี เครื่องบินรวมทุกประเภท (Aircraft) อยู่ที่ 493 ลำ ในขณะที่ กัมพูชา (Cambodia) มีเพียง 25 ลำ
เครื่องบินขับไล่ (Fighter Jets): ไทย (Thailand) มีเครื่องบินขับไล่อยู่ที่ 72 ลำ ในขณะที่ กัมพูชา (Cambodia) มีจำนวน 0 ลำ
เครื่องบินโจมตี (Attack Aircraft): ไทย (Thailand) มีเครื่องบินโจมตีอยู่ที่ 20 ลำ ส่วน กัมพูชา (Cambodia) มีจำนวน 0 ลำ
4. กำลังรบภาคพื้นดิน (Ground Force)
ในขณะที่ ไทย (Thailand) มีความได้เปรียบทางอากาศ แต่กำลังรบภาคพื้นดินกลับแสดงให้เห็นความสมดุลที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในด้านยานเกราะหนักและอาวุธจรวด
รถถัง (Tanks): กัมพูชา (Cambodia) มีจำนวนรถถังมากกว่าเล็กน้อยที่ 644 คัน ขณะที่ ไทย (Thailand) มี 635 คัน
ระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS - Multiple Launch Rocket Systems): กัมพูชา (Cambodia) มีความได้เปรียบอย่างมากด้วยจำนวน 463 ระบบ ในขณะที่ ไทย (Thailand) มี 26 ระบบ
รายงานดังกล่าวเป็นการนำเสนอข้อมูลเชิงเปรียบเทียบตามตัวเลขที่เผยแพร่โดย globalfirepower . com โดยเน้นย้ำถึงองค์ประกอบด้านอำนาจทางอากาศที่โดดเด่นของไทย และการเน้นกำลังรบภาคพื้นดินที่พึ่งพาระบบจรวดหลายลำกล้อง ในส่วนขอ กัมพูชา
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sputnikglobe.com/20251208/thailand-vs-cambodia-whose-military-is-stronger-1123256236.html