เรย์ ดาลิโอชี้ ตะวันออกกลางกำลังก้าวสู่การเป็น ‘ซิลิคอนแวลลีย์ของนักลงทุน’

9-12-2025

   ตะวันออกกลางกำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกอย่างรวดเร็ว เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater Associates กล่าวเมื่อวันจันทร์ โดยเปรียบเทียบการเติบโตของภูมิภาคนี้กับซิลิคอนแวลลีย์ในด้านเทคโนโลยี

  ดาลิโอกล่าวกับ CNBC ว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และประเทศเพื่อนบ้านได้ผสาน “เงินทุนก้อนมหาศาล” เข้ากับการหลั่งไหลของบุคลากรระดับโลก ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นศูนย์รวมของผู้จัดการกองทุนและผู้พัฒนา AI จากทั่วทุกมุมโลก

  ปีนี้ UAE และซาอุดีอาระเบียได้เปิดตัวโครงการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างคลาวด์ ศูนย์ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อื่น ๆ โดยได้รับการหนุนหลังจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติและพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก

  ข้อตกลงมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่าง Google Cloud และกองทุนการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย (PIF) ที่ประกาศในปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ศูนย์กลาง AI ระดับโลก” ในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นในการตั้งศูนย์ข้อมูลและงานประมวลผล AI ภายในประเทศ

   เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง OpenAI, Oracle, Nvidia และ Cisco ได้ร่วมมือกันสร้างแคมปัส AI ขนาดใหญ่ชื่อว่า Stargate ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

  เมื่อถูกถามว่า UAE ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์จะสามารถเป็นผู้นำในการแข่งขันด้าน AI ได้หรือไม่ ดาลิโอกล่าวว่า “สิ่งที่พวกเขาทำคือการสร้างบุคลากรที่มีความสามารถ ดังนั้นภูมิภาคนี้จึงกำลังกลายเป็นซิลิคอนแวลลีย์ของกลุ่มนักลงทุน… ตอนนี้ผู้คนกำลังเข้ามา เงินกำลังเข้ามา และความสามารถก็หลั่งไหลเข้ามาเช่นกัน”

  ดาลิโอ ผู้ซึ่งเดินทางมาอาบูดาบีมากว่า 30 ปี กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคอ่าวอาหรับเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์ของรัฐที่วางแผนอย่างรอบคอบและมองการณ์ไกล เขาอธิบายว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็น “สวรรค์ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา” โดยยกตัวอย่างภาวะผู้นำ ความมั่นคง คุณภาพชีวิต และความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการเงินที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้

“ที่นี่มีพลังงานความคึกคักแบบเดียวกับที่ซานฟรานซิสโก หรือเมืองเทคโนโลยีอื่น ๆ มี เกี่ยวกับ AI หรือเทคโนโลยี มันคล้ายกันมาก” ดาลิโอกล่าว

สองปีข้างหน้าอาจ ‘เปราะบาง’

   ผู้ก่อตั้ง Bridgewater เตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ช่วงอนาคตอันใกล้ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างมาบรรจบกัน โดยเขาย้ำถึงความกังวลที่ว่า ตลาดกำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่

“หนึ่งหรือสองปีต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางมากกว่าเดิม” เขากล่าว โดยชี้ไปที่การมาบรรจบกันของสิ่งที่เขาเรียกว่า “วัฏจักรหลักสามประการ” ได้แก่ วัฏจักรหนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐฯ และภูมิรัฐศาสตร์

ภาระหนี้ทั่วโลกที่พอกพูนได้เริ่มสร้างความตึงเครียดให้กับหลายส่วนของตลาดแล้ว

“เรากำลังเห็นรอยร้าวในตลาดหลายทาง ทั้งในภาคเอกชน หุ้นทุนเสี่ยง หนี้ที่ต้องรีไฟแนนซ์ และอื่น ๆ เหล่านี้ ฉะนั้นผมเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในฟองสบู่ ตามเกณฑ์แทบทุกข้อ” ดาลิโอกล่าว พร้อมชี้ว่ามีความคล้ายคลึงกับฟองสบู่ปี 2000 แต่ไม่ใช่ฟองสบู่ปี 1929

  ดาลิโอยังคาดการณ์ด้วยว่า การเมืองสหรัฐฯ จะมีความปั่นป่วนมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ปี 2026 “เมื่อเราเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2026 … คุณจะเห็นความขัดแย้งมากขึ้นในหลายรูปแบบ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงและการที่ตลาดนำโดยหุ้นไม่กี่ตัวยิ่งเพิ่มความเปราะบาง

“ทุกประเทศ… ไม่สามารถสะสมหนี้เพิ่มได้อีกต่อไป แต่ในทางการเมือง พวกเขาก็ไม่สามารถขึ้นภาษีหรือปรับลดสวัสดิการได้ ดังนั้นพวกเขาจึงติดกับดัก” สถานการณ์ทางการคลังที่อึดอัดเช่นนี้ยิ่งซ้ำเติมความแตกแยกภายในประเทศ “ตอนนี้เรามีประชานิยมฝ่ายซ้ายและประชานิยมฝ่ายขวา… ซึ่งหมายถึงความขัดแย้งที่ยากจะประนีประนอม”

   ดาลิโอย้ำมุมมองว่ากระแสการพุ่งขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI อยู่ในเขตฟองสบู่ แต่เขาแนะนำว่านักลงทุนไม่ควรรีบเทขายเพียงเพราะการประเมินมูลค่าสูงเกินจริง

   ความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ AI ทวีความชัดเจนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีหลายเสียงสำคัญ เช่น แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI ที่บอกว่าตลาด AI นั้นอยู่ในภาวะฟองสบู่ ไมเคิล เบอร์รี นักลงทุนที่เคยทำนายวิกฤตซับไพรม์ปี 2008 ก็ได้คาดการณ์ว่าฟองสบู่ปัญญาประดิษฐ์อาจแตกในอีกสองปีข้างหน้า

“ฟองสบู่ทั้งหมดในประวัติศาสตร์ล้วนเกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่” ดาลิโอกล่าว “คุณไม่ควรออกจากตลาดเพียงเพราะมันเป็นฟองสบู่ แต่คุณต้องจับตาดูว่าเมื่อไหร่ฟองสบู่จะถูกเจาะ”

  เขากล่าวว่า ปัจจัยที่นำไปสู่ “การเจาะฟองสบู่” มักเกิดจากการตึงตัวของสภาพคล่อง หรือความจำเป็นที่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อชำระภาระผูกพัน

  เขายังเตือนถึงความตึงเครียดในภาคทุนเสี่ยง (VC) ไพรเวทอิควิตี้ และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เคยพึ่งพาหนี้ราคาถูก แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปสู่ภาระหนี้ใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเดิม

ที่มา CNBC