ยุคแห่งการครองความเป็นเจ้าของสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงแล้ว

24-5-2025

    ยุคแห่งการครองความเป็นเจ้าโดยไม่มีใครท้าทายของสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของรัสเซีย จีน และประเทศอื่น ๆ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ.ดี. แวนซ์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อบัณฑิตจากโรงเรียนนายเรือที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมริแลนด์ แวนซ์ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ หลังสงครามเย็นเคยเชื่อว่าความเป็นใหญ่ของอเมริกาจะดำรงอยู่โดยไม่มีใครท้าทาย “เราไม่เคยเชื่อว่าประเทศใดในโลกจะสามารถลุกขึ้นมาแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาได้” เขากล่าว

   แวนซ์กล่าวว่า หลังสิ้นสุดสงครามเย็น สหรัฐฯ ครองความได้เปรียบอย่างแท้จริงในอากาศ ทางทะเล อวกาศ และโลกไซเบอร์

  รองประธานาธิบดีเตือนว่าภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนไป “ยุคที่สหรัฐฯ ครองความเป็นเจ้าโดยไร้คู่แข่งได้จบลงแล้ว ทุกวันนี้เราต้องเผชิญภัยคุกคามอย่างจริงจังจากจีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่มุ่งมั่นจะเอาชนะเราในทุกมิติ ตั้งแต่คลื่นวิทยุ ไปจนถึงวงโคจรต่ำของโลก ห่วงโซ่อุปทาน และแม้แต่โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของเรา” เขากล่าว

    ในช่วงหลังสงครามเย็น วอชิงตันเริ่มมุ่งเน้นไปที่ “อำนาจละมุน” และ “การแทรกแซงกิจการภายในของต่างประเทศ” แม้ว่าหลายกรณีจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์หลักของอเมริกา แวนซ์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะยุติแนวทางนโยบายต่างประเทศที่มีมานานหลายทศวรรษนี้

   เขากล่าวว่าสหรัฐฯ ในปัจจุบันมุ่งยุติ “ภารกิจที่ไม่ชัดเจน” และ “ความขัดแย้งที่ไม่มีจุดสิ้นสุด”

   ทรัมป์ได้แสดงความต้องการที่จะช่วยยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซา รวมถึงความขัดแย้งในยูเครน โดยที่สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนทางทหารหลักของทั้งเยรูซาเล็มตะวันตกและเคียฟในทั้งสองกรณี

   นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ตั้งเงื่อนไขสำหรับการยุติสงครามว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องย้ายชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปยังประเทศรอบข้าง โดยทรัมป์เคยแสดงความตั้งใจที่จะลงทุนและเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็นรีสอร์ทหลังสงครามสิ้นสุด

   รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันยังผลักดันให้เกิดการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน และเริ่มชะลอการสนับสนุนทางทหารในระยะยาวแก่เคียฟ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับยูเครนเพื่อร่วมกันใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ของประเทศ เพื่อทดแทนงบประมาณที่ใช้ไปกับความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้ให้การรับประกันความมั่นคงใด ๆ แก่เคียฟอย่างเป็นทางการ

ที่มา RT