.

ราคาทองคำทะยานทุบสถิติสูงสุดเหนือ $3,800 ท่ามกลางเงินดอลลาร์อ่อนค่าและ 'ความเสี่ยงรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการ'
30-9-2025
Bloomberg รายงานว่า ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่รับความเสี่ยง US Shutdown และดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำ (Gold) ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่ทะลุ $3,800 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ขณะที่กลุ่มโลหะมีค่า (precious metals) พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงิน ดอลลาร์ (Dollar) ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิด การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (US government shutdown)
ราคาทองคำแท่ง (Bullion) ปรับขึ้นสูงสุดถึง 1.6% แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ $3,819.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการทำลายสถิติสูงสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่แล้ว หลังจากที่สามารถทำสถิติปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่หกติดต่อกัน Silver (เงิน) ปรับขึ้นถึง 2.4% ขณะที่ Platinum (แพลทินัม) และ Palladium (แพลเลเดียม) ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยความคืบหน้าดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากภาวะตึงตัวของตลาดอย่างต่อเนื่อง (persistent market tightness) และการไหลเข้าของเงินทุนใน กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ที่มีโลหะดังกล่าวเป็นสินทรัพย์หนุนหลัง
ค่าเงิน ดอลลาร์ (Dollar) ปรับลดลง ในขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามความคืบหน้าก่อนการประชุมที่กำหนดไว้ระหว่างผู้นำรัฐสภาสหรัฐฯ และประธานาธิบดี Donald Trump ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนที่เงินทุนสนับสนุนของรัฐบาลกลางจะหมดอายุลง หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่างกฎหมายการใช้จ่ายระยะสั้นได้ US Shutdown ดังกล่าวจะคุกคามการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (payrolls report) ในวันศุกร์ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะแสดงการเติบโตของการจ้างงานที่ลดลงในเดือนกันยายน ค่าเงิน ดอลลาร์ (Greenback) ที่อ่อนค่าลงจะทำให้ราคากลุ่มโลหะมีค่าถูกลงสำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่
การวิเคราะห์นโยบายการเงินและความเสี่ยงทางการเมือง
ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอลงจะสนับสนุนแนวโน้มให้เจ้าหน้าที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve - Fed) ผ่อนคลายทางการเงินในการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะทำให้กลุ่มโลหะมีค่าที่ไม่มีดอกเบี้ย (non-interest bearing precious metals) มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนในระดับสูงเกี่ยวกับแนวโน้มของวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยของ เฟด (Fed) โดยมีเจ้าหน้าที่แสดงความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ในขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจบางตัวออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงชั่งน้ำหนักภัยคุกคามต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (US central bank’s independence) หลังจากที่ทนายความของ Lisa Cook ผู้ว่าการ เฟด (Fed Governor) ได้เรียกร้องต่อศาลสูงสุด (Supreme Court) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ให้เธอคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ในขณะที่เธอกำลังต่อสู้กับการพยายามปลดเธอออกจากตำแหน่งของประธานาธิบดี Trump
นักยุทธศาสตร์จาก Barclays Plc. นำโดย Themistoklis Fiotakis และ Lefteris Farmakis กล่าวในบันทึกเมื่อวันอาทิตย์ว่า ราคาทองคำแท่ง (Bullion) ไม่ได้ดูสูงเกินไปเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์ (Dollar) และ พันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ (Treasuries) ซึ่ง "ควรจะมีระดับพรีเมียมที่เกี่ยวข้องกับ เฟด (Fed) อยู่ เนื่องจากลักษณะของความเสี่ยง" จากการสูญเสียความเป็นอิสระที่อาจเกิดขึ้นของธนาคารกลาง "สิ่งนี้ทำให้มันเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่มีมูลค่าที่ดีอย่างน่าประหลาดใจ"
ภาพรวมผลการดำเนินงานปีล่าสุดและความตึงตัวของตลาด
ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นถึง 45% ในปีนี้ โดยสร้างจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่องจาก ความต้องการของธนาคารกลาง (central-bank demand) และการกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยของ เฟด (Fed) ราคาอยู่บนเส้นทางที่จะปิดไตรมาสด้วยการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามในสัปดาห์หน้า โดยมีการถือครองใน ETF ที่มีทองคำหนุนหลังอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 ธนาคารชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง Goldman Sachs Group Inc. และ Deutsche Bank AG ได้กล่าวว่าพวกเขาคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นต่อไป
ในขณะเดียวกัน กลุ่มโลหะมีค่าอื่น ๆ ได้เผชิญกับ ภาวะตึงตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (unprecedented tightness) ในปีนี้ ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของสต็อกโลหะที่พร้อมจำหน่ายใน ลอนดอน (London) เนื่องจากภาวะขาดดุลอุปทาน (supply deficits) มาหลายปีได้ถึงจุดสูงสุด อัตราค่าเช่า (Lease rates) ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนในการกู้ยืมโลหะในช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับ Silver, Platinum และ Palladium ต่างพุ่งสูงขึ้นเหนือระดับปกติที่ใกล้ศูนย์อย่างมาก
Citigroup Inc. โดยนักวิเคราะห์นำโดย Max Layton ระบุว่า ความกังวลใหม่ที่ว่ากลุ่มโลหะในตระกูลแพลทินัม (platinum-group metals) อาจถูกรวมอยู่ในการสอบสวน มาตรา 232 (Section 232 investigation) ของประธานาธิบดี Trump ในเรื่องแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals) ได้ทำให้ตลาดมีความตึงตัวมากยิ่งขึ้น ธนาคารดังกล่าวเห็นโอกาสที่ Palladium จะอยู่ภายใต้การพิจารณาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (US import tariffs) ที่อาจเกิดขึ้นได้สูงขึ้น โดยรอการทบทวนที่คาดว่าจะประกาศในเดือนตุลาคม
ณ เวลา 10:56 น. ตามเวลาลอนดอน (London) ราคาทองคำตลาดจร (Spot gold) ปรับขึ้น 1.3% อยู่ที่ $3,807.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ขณะที่ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ปรับลงเล็กน้อย 0.2%
Silver พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ในวันจันทร์ หลังจากที่เพิ่มขึ้นทะลุ $45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี และซื้อขายเพิ่มขึ้น 1.8% อยู่ที่ $46.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ Platinum เพิ่มขึ้น 1.9% ซื้อขายสูงกว่า $1,600 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 ในขณะที่ Palladium ปรับขึ้นสูงสุดถึง 2.9% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-09-29/gold-holds-near-record-as-traders-weigh-us-shutdown-fed-rates?srnd=homepage-americas