กองทัพเรือสหรัฐฯ เร่งปฏิรูปฐานอุตฯต่อเรือดำน้ำ

กองทัพเรือสหรัฐฯ เร่งปฏิรูปฐานอุตสาหกรรมต่อเรือดำน้ำ หลังจีนเร่งทิ้งห่างยุทธศาสตร์แปซิฟิก
16-10-2025
Bloomberg รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเร่งเดินหน้าโครงการฟื้นฟูศักยภาพการผลิตเรือดำน้ำครั้งใหญ่ เพื่อปิดช่องว่างกับจีนที่กำลังเร่งเสริมกองเรือใต้น้ำและขยายบทบาทในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) ของจีนเมื่อเดือนกันยายน เผยโฉมเรือดำน้ำไร้คนขับรุ่นใหม่ขนาดเท่ารถบรรทุกกึ่งพ่วง ที่ออกแบบมาเพื่อติดตามเรือสหรัฐฯ และตรวจการสายสื่อสารใต้ทะเล ซึ่งตอกย้ำการลงทุนมหาศาลของปักกิ่งในยุทธศาสตร์ใต้น้ำ
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต่อเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ยังติดหล่มจากปัญหาความล่าช้า ต้นทุนพุ่ง และแรงงานฝีมือขาดแคลน กำลังผลิตเรือรุ่นหลักอย่าง Columbia‑class และ Virginia‑class ถูกรายงานว่าล่าช้าเกินสองปี ขณะเดียวกันเรือรุ่นเก่าหลายลำอยู่ในคิวซ่อมบำรุงยาวนานกว่าทศวรรษ
กระทรวงทัพเรือ (US Navy) ระบุว่า หนึ่งในโครงการสำคัญคือการอบรมแรงงานรุ่นใหม่กว่า 100,000 อัตราในอีกสิบปี ผ่านหลักสูตร “Accelerated Training in Defense Manufacturing” เพื่อเร่งส่งช่างฝีมือเข้าสู่อุตสาหกรรม ผลิตเรือดำน้ำ Columbia‑class ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 126 พันล้านดอลลาร์ และต้องการส่งมอบให้ทันก่อนจีนขยายกองเรือของตน
พลเรือเอก จอห์น เฟลัน(John Phelan) รัฐมนตรีทัพเรือสหรัฐฯเตือนต่อสภาคองเกรสเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าความล่าช้า“ทำให้สถานการณ์ของกองเรืออยู่ในสภาวะเปราะบาง”เนื่องจากเรือ Los Angeles‑class หลายลำใกล้หมดอายุการใช้งานขณะที่โรงต่อเรือ General Dynamics และ Huntington Ingalls ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลัก ต้องประสบปัญหาขาดแรงงานช่างเชื่อมและช่างเทคนิคสำคัญกว่า 30% ตลอดโซ่อุปทาน
สหรัฐฯ ตั้งเป้าสร้างเรือ Columbia‑class ปีละ 1 ลำ และ Virginia‑class ปีละ 2 ลำภายใน ปี 2028 เพื่อรองรับภารกิจข้อตกลง AUKUS ซึ่งจะถ่ายโอนเรือบางส่วนให้ ออสเตรเลีย แต่การผลิตยังทำได้เพียง 1.2 ลำต่อปีในปัจจุบัน
โครงการเรือ Columbia‑class ถูกออกแบบให้เป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์บรรทุกขีปนาวุธ Trident ที่ไกลกว่า 7,000 ไมล์ มีความยาว 560 ฟุต และน้ำหนักกระจัดกว่า 20,000 ตัน โดยเรือแรก USS District of Columbia จะล่าช้าไปถึง ปี 2029 พร้อมงบประมาณเพิ่มขึ้น 12% จากเดิมขณะที่เรือ Virginia‑class รุ่นใหม่ 10 ลำ มีคิวดีเลย์เฉลี่ย 2‑3 ปี
นักวิเคราะห์กังวลว่าความล่าช้าเหล่านี้อาจกระทบแผนรับเรือดำน้ำของพันธมิตรและทำให้จุดแข็งทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเลของสหรัฐฯ ถูกบั่นทอนลง การประเมินของ Bloomberg Intelligence ระบุว่าสหรัฐฯ ยังคงเหนือกว่าจีน 5–10 ปี ในเชิงเทคโนโลยี แต่ช่องว่างอาจแคบลงอย่างรวดเร็ว
รายงานโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประเมินว่าจีนสามารถสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ 4–6 ลำต่อปี และมีกองเรือรวมอาจเพิ่มถึง 80 ลำก่อน ปี 2035 หากแนวโน้มลงทุนคงเดิม
พลเรือเอก ดารีล คอเดิล (Daryl Caudle) ผู้บัญชาการกองเรือคนใหม่ กล่าวกับคณะกรรมาธิการวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคมว่า “เราจำเป็นต้องปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็นสองเท่าจากปัจจุบัน นี่คือการปรับเปลี่ยนเชิงเปลี่ยนผ่าน (transformational improvement) ไม่ใช่แค่การซ่อมระบบ” รัฐบาลทรัมป์ได้จัดสรรงบ 29 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการยกระดับฐานต่อเรือและพัฒนาแรงงาน ขณะที่สภาคองเกรสอนุมัติงบปี 2026 อีก 8.7 พันล้านดอลลาร์ โดย 2.7 พันล้านดอลลาร์ จะใช้เสริมฐานอุตสาหกรรมเรือดำน้ำโดยตรง
ในระดับนโยบาย สหรัฐฯ ยังเดินหน้าโครงการอบรมสายอาชีพด้านต่อเรือกับ BlueForge Alliance และสถาบันการเรียนรู้ขั้นสูงในรัฐเวอร์จิเนีย เพื่อดึงแรงงานเข้าสู่อุตสาหกรรมกว่า 140,000 ตำแหน่งในสิบปีข้างหน้า
หนึ่งในนักเรียนฝึกงาน วิลเลียม ไคเซน (William Kaisen) อดีตนาวิกโยธินวัย 39 ปี กล่าวระหว่างพิธีสำเร็จหลักสูตรว่า “ถึงเวลาที่เราจะลงมือทำ เพราะเรายังต้องเร่งให้ทันคนอื่น” ซึ่งสะท้อนสถานการณ์จริงของสหรัฐฯ ในสนามแข่งใต้น้ำที่จีนกำลังเร่งไล่จี้อย่างไม่ลดละ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/features/2025-10-14/china-us-submarine-race-beijing-s-drone-sub-vs-us-navy-delays