.

สหรัฐฯเคลื่อนกำลังบินครั้งใหญ่สู่ตะวันออกกลาง เสริมกำลังอากาศที่กาตาร์ อิหร่านเตือนพร้อมตอบโต้
2-10-2025
Newsweek รายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งฝูงบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ KC-135 Stratotanker จำนวนมหาศาลเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งนับเป็นการประจำการกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายเดือน โดยมีจุดหมายปลายทางคือ ฐานทัพอากาศ Al Udeid (Al Udeid Air Base) ใน กาตาร์ (Qatar) ซึ่งเป็นกองบัญชาการของ กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (U.S. Central Command) การเคลื่อนไหวนี้ส่งสัญญาณถึงการยกระดับความพร้อมทางทหารของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับ อิหร่าน (Iran) ซึ่งได้ออกคำขู่ตอบโต้การโจมตีใด ๆ อย่างเด็ดขาด
การเสริมกำลังเพื่อรับมือสถานการณ์ผันผวนสูง
การประจำการอย่างกะทันหันของฝูงบินเติมเชื้อเพลิง KC-135 หลายสิบลำนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ในภูมิภาคมีความผันผวนสูง โดยการเคลื่อนกำลังทหารขนาดใหญ่ในลักษณะเดียวกันนี้เคยถูกสังเกตพบก่อนเกิดความขัดแย้ง 12 วัน ที่เกี่ยวข้องกับ อิสราเอล (Israel) และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยสหรัฐฯ
ความตึงเครียดในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอีกจากความชะงักงันในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับ เตหะราน (Tehran) และการคว่ำบาตรที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าอย่างรวดเร็ว การรวมศูนย์ศักยภาพการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศที่ Al Udeid ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จึงเป็นการรับประกันว่ากองทัพสหรัฐฯ สามารถ ฉายกำลังอำนาจ (power projection) และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค โดยเครื่องบิน KC-135 นั้นถือเป็นกำลังหลักในภารกิจเติมเชื้อเพลิงทางอากาศของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1950
อิหร่านยืนยันการป้องปรามและขู่ตอบโต้พันธมิตรสหรัฐฯ
อิหร่าน ยืนยันว่าตนเองพร้อมที่จะป้องกันตนเอง ในขณะเดียวกันก็กล่าวอย่างชัดเจนว่าจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มสงคราม นาย โมฮัมหมัด จาฟาร์ อาซาดี (Mohammad Jafar Asadi) รองผู้บัญชาการฝ่ายตรวจสอบ กล่าวว่า เตหะราน จะขยายพิสัยทำการของขีปนาวุธ “ไปยังทุกที่ที่จำเป็น” และเน้นย้ำว่าจะตอบโต้การโจมตีอย่างเด็ดขาด โดยปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ และยุโรปให้จำกัดโครงการขีปนาวุธ
นอกจากนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พลตรี โมห์เซน เรซาอี (Mohsen Rezaei) อดีตผู้บัญชาการ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Iran's Revolutionary Guard - IRGC) ได้เตือนว่า การโจมตีเพียงครั้งเดียวจาก อิสราเอล ก็สามารถจุดชนวนสงครามเต็มรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ได้ โดยกล่าวว่า “ทันทีที่ อิสราเอล เริ่มสงคราม เราก็จะเข้าร่วมสงครามกับสหรัฐฯ ด้วย” ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความพร้อมของ เตหะราน ที่จะตอบโต้ทั้ง อิสราเอล และพันธมิตรของสหรัฐฯ
คำเตือนจากสถาบันศึกษาสงครามและความไม่แน่นอนของการหยุดยิง
คำเตือนดังกล่าวและการเสริมกำลังทหารของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในขณะที่ สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War - ISW) ได้ออกมาเตือนว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง อิหร่าน กับ อิสราเอล ไม่น่าจะคงอยู่ได้ และความขัดแย้งอาจกลับมาปะทุอีกครั้ง รายงานของ ISW ระบุว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (Iran’s Supreme National Security Council) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กำหนดตัวผู้สืบทอดตำแหน่ง เพื่อรักษาความต่อเนื่องของความเป็นผู้นำในช่วงสงครามที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ พลตรี อับดอล ราฮิม มูซาวี (Abdol Rahim Mousavi) ได้กล่าวหลังการตรวจสอบหน่วยทหารว่า กองทัพเรืออิหร่าน มีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับความขัดแย้งในอนาคต
ด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ของ อิสราเอล กล่าวว่า “เราต้องรักษาแรงกดดันทางการทูตและเศรษฐกิจต่อ อิหร่าน เพื่อทำให้ชัดเจนว่าเราจะไม่ยอมให้พวกเขากลับมาพยายามสร้างระเบิดนิวเคลียร์เพื่อทำลายประเทศของผมและประเทศของคุณ [สหรัฐฯ] อีกครั้ง”
การประจำการเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ และคำเตือนที่ชัดเจนของ อิหร่าน บ่งชี้ถึงช่วงเวลาของการเฝ้าระวังที่เพิ่มขึ้นทั่วตะวันออกกลาง สถานการณ์ในภูมิภาคอาจทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความชะงักงันในการเจรจานิวเคลียร์และการคว่ำบาตรที่ดำเนินอยู่ ทำให้การมีส่วนร่วมทางการทูตและการเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวังถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/us-deploys-military-assets-middle-east-10809727