Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
3/5/2024
ธนาคารใหญ่สุดในสหรัฐสองแห่ง ประกาศตัวเลขหนี้ที่เรียกเก็บคืนมาไม่ได้คิดเป็นวงเงินสูงถึง 4,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 166,500 ล้านบาท
โดยหนึ่งในนั้นคือ เจพี มอร์แกน เชส ที่มีรายงานตัวเลขหนี้สูญสุทธิมากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ( 2024 ) หรือประมาณ 74,000 ล้านบาท
และอีกแห่งคือ แบงก์ออฟอเมริกา มีรายงานหนี้สูญสุทธิที่ 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 55,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 807 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ข่าวนี้น่าจะสร้างความยินดีให้กลุ่ม BRICS ที่กำลังผลักดันให้ถอยห่างจากเงินดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือ ซีเอฟโอ ของแบงก์ออฟอเมริกา กล่าวกับบรรดานักวิเคราะห์ว่า ตัวเลขหนี้สูญส่วนใหญ่มาจากหนี้บัตรเครดิตที่ไม่มีแนวโน้มจะจ่ายคืนได้ แบงก์ออฟอเมริกากำลังมองเห็นรอยร้าวที่เกิดกับภาคการปล่อยกู้ เนื่องจากการจับจ่ายของภาคครัวเรือนได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยสูงและเงินเฟ้อ
ตามปกติ ธนาคารจะหารายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ พวกเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายคืน เพราะนั่นจะทำให้เจ้าหนี้อย่างธนาคารต้องตัดเป็นหนี้สูญ
นอกจากนี้ ยังพบหนี้สูญเพิ่มขึ้นกับ ซิตี้กรุ๊ป และ เวลส์ ฟาร์โก ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้จากธนาคารกลางสหรัฐ พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่กำลังคุมเข้มการปล่อยกู้ทุกประเภท ทั้งการปล่อยกู้บ้าน บัตรเครดิต ปล่อยกู้รถ และการปล่อยกู้อื่นๆ
ถึงแม้จะมีหนี้สูญกองโต แต่ทั้ง เจพี มอร์แกน เชส และแบงก์ออฟอเมริกา ก็ยังมีงบดุลที่ดี โดยเจพี มอร์แกน เชส มีผลกำไร 49,600 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว ( 2023 ) หรือประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่แบงก์ออฟอเมริกา มีผลกำไร 24,900 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 921,300 ล้านบาท
แต่ยอดหนี้สูญที่เพิ่มพูนขึ้นขนาดนี้ ก็เป็นสัญญาณให้เห็นว่า เงินเฟ้อกำลังกระทบกับพลเมืองชาวอเมริกันในไตรมาสล่าสุด เลยทำให้หลายคนเป็นหนี้ ถ้าธนาคารในสหรัฐมีรายงานตัวเลขหนี้ทำนองนี้ไปเรื่อยๆ กลุ่ม BRICS ก็อาจเห็นชัยชนะอยู่เบื้องหน้า เพราะนั่นเท่ากับว่า ดอลลาร์สหรัฐกำลังเปราะบางมากขึ้น และภาคธนาคารก็กำลังเดือดร้อนจากผลที่ตามมา
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/brics-top-us-banks-suffer-major-losses
© Copyright 2020, All Rights Reserved