Thailand
สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร? (1)
06/03/2024
เรากำลังเข้าสู่ยุคสงครามเย็น (Cold War)โดยมีสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นคู่ปฏิปักษ์ แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดสงครามร้อนแล้วในยุโรประหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยนาโต้ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ในสงครามที่ดำเนินมาแล้ว 2ปี
มันเป็นสงครามเย็น สลับกับสงครามร้อนที่มีความตึงเครียดมากกว่าในช่วงสงครามเย็นที่สหรัฐและสหภาพโซเวียตมีการแบ่งค่ายโลกของเป็น 2ขั้วคือโลกเสรีนิยม และโลกสังคมนิยมเสียอีก
ในสงครามเย็นคร้ังนั้น ซึ่งเปิดฉากหลังเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2ได้ไม่นาน สหรัฐเป็นผู้ริเริ่มก่อนเพื่อทำลายโซเวียต
ทั้งๆที่สหรัฐ โซเวียตและอังกฤษเป็นพันธมิตรร่วมกันในการทำสงครามต่อต้านนาซีเยอรมันนี โดยที่รัสเซียเสียหายมากที่สุด ประชากรล้มตายลง 20-30 ล้านคนในสงครามในโหดร้าย
ในขณะที่สหรัฐไม่ได้เสียหายอะไรมาก เพราะว่าอเมริกาเหนือไม่ได้เป็นสมรภูมิของการรบพุ่ง ส่วนอังกฤษที่เป็นพื้นที่เกาะไม่ติดกับทวีปยุโรปก็เสียหายพอประมาณ แต่อังกฤษจะไม่เป็นมหาอำนาจทางการเงินโลกอีกต่อไป
สหรัฐเข้าสู่สงครามโลกภายหลังตอนเกมใกล้จบเมื่อญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ ทำไมญี่ปุ่นต้องทอดสะพานเชื้อเชิญให้สหรัฐเข้าสู่สงครามโลก ท้ังๆที่ลำพังจะยึดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในมหาสงครามเอเชียบูรพาก็ลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว ทำให้ท้ายที่สุดโดนระเบิดนิวเคลียร์ไป 2 ลูกจนพ่ายแพ้ย่อยยับ เรื่องนี้คงต้องมีการศึกษาเบื้องหน้าเบื้องหลังกันต่อไป
สหรัฐชุปมือเปิบกลายเป็นฮีโร่ผู้ชนะสงคราม ส่วนอังกฤษอาศัยใบบุญของสหรัฐในการเกิดใหม่จากซากที่ปรักหักพัง
ในสงครามโลกคร้ังที่ 1 จักรวรรดิที่เป็นคู่แข่งของอังกฤษถูกทำลายไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิปรัสเซีย ออสเตรียน-ฮังการี ออตโตมัน รวมท้ังระบอบซาร์ของรัสเซีย
ในสงครามโลกคร้ังที่ 2 เป้าหมายคือการทำลายเยอรมันนีที่ถูกลงดาบซ้ำสอง และทำให้รัสเซียอ่อนแอลง เพราะว่าเยอรมันนีเป็นคู่แข่งของอังกฤษ ที่ต้องถูกสกัดไม่ให้สามารถร่วมมือกับรัสเซียได้ เพราะว่าถ้าหากเยอรมันนีกับรัสเซียเป็นพันธมิตรกันได้จะกลายเป็นมหาอำนาจของยุโรปที่ไม่มีใครทัดทานได้
ท้ังเยอรมันนีกับรัสเซียบอบช้ำอย่างมากในสงครามโลกคร้ังที่ 2 ในขณะที่สหรัฐไม่ได้เสียหายอะไร เพราะว่าอยู่ไกลจากสมรภูมิของสงครามใหญ่ในยุโรป
โดยภาพรวม สงครามโลกครั้งที่ 1 และคร้ังที่ 2 จึงเป็นสงครามจักรวรรดิ ที่อังกฤษดำเนินการต่อเนื่องหลังจากก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ทำให้มีดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่ตกดินทั่วโลก ควบคุมเส้นทางการค้า การเดินเรือ
ดูแลระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินอันนำไปสู่การสร้างระเบียบโลกที่อังกฤษควบคุม ต่อมาเป็นการส่งไม้ต่อให้กับสหรัฐดูแลต่อไป
ในสงครามเย็นที่มีการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียตนี้เกิดขึ้นระหว่างหลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 ไปจนถึงปี
1991 ที่สหภาพโซเวียตล่มสลายแตกแยกออกมากลายเป็น 15 ประเทศ สงครามเย็นในคร้ังนั้นถือเป็นดาบสองในการทำลายรัสเซียให้ถูกแบ่งแยกดินแดน อันจะเป็นการง่ายสำหรับทุนตะวันตกจะได้เข้าไปครอบครองทรัพยากรธรรมชาติของรัสเซียที่มีความมั่งคั่ง$80ล้านล้าน ผ่านการเข้าไปครอบงำการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ระบบสัมปทาน ระบบธนาคารกลาง และธนาคารพานิชย์ รวมท้ังการเปิดเสรีระบบเศรษฐกิจ
รัสเซียกำลังล่มจมในช่วงที่วราดิเมียร์ ปูติน อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเคจีบีที่รับไม้ขึ้นมาเป็นผู้นำต่อจากบอริส เยลซินในปี 2001 เยลซินถูกรายล้อมด้วยคนของตะวันตกที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อที่จะยึดระบบเศรษฐกิจของรัสเซีย ปูตินเป็นบุรุษเหล็ก ใช้คนเคจีบีทุบเครือข่ายนายทุนที่ส่วนมากเป็นยิวรัสเซียนที่เชื่อมโยงกับนายทุนวอลล์สตรีทและลอนดอนจนสามารถถอน
รากถอนโคนอิทธิพลของต่างชาติได้ ทำให้รัสเซียกลับมามีความมั่นคงอีกคร้ัง
พร้อมกันนั้น ปูตินเดินหน้าสร้างแสนยานุภาพทางทหารจนมาถึงจุดที่ปูตินสามารถประกาศในตอนนี้ได้ว่า อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียมีความล้ำหน้ากว่าชาติใดๆในโลก
แล้วสงครามเย็นคืออะไร? สงครามเย็นไม่ใช่สงครามร้อน (Hot War) ที่รบพุ่งกันด้วยอาวุธมหาประลัย ทำให้ผู้คนล้มตาย
บ้านเมืองและทรัพย์สินถูกทำลาย แต่สงครามเย็นเป็นการสู้กันด้วยชั้นเชิงทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช้อาวุธเข้าประหัดประหารกัน สู้กันด้วยอุดมการณ์ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน ตลาดเงินตลาดทุนและความเชื่อ ต่างฝ่ายต่างโฆษณาชวนเชื่อเพื่อหาแนวร่วมพันธมิตร แข่งกันหรือเกทับการด้วยการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายล้างโลกได้
สังคมนิยมโซเวียตพังทะลาย เพราะว่ามีระบบการผลิตที่เทอะทะ ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน อย่างดีก็ค้าขายกันเองกับประเทศเครืองสังคมนิยมยุโรปตะวันออกที่ไม่ได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรม และระบบการตลาด ระบบเศรษฐกิจไม่ได้เชื่อมโยงกับภายนอก ผิดกับประชาคมโลกที่ค่ายเสรีแองโกลอเมริกันที่เจริญกว่าควบคุมอยู่ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่สนองความต้องการของผู้ซื้อผู้บริโภค ระบบอุตสาหกรรมที่ความก้าวหน้าตลอดเวลา รวมท้ังควบคุมกลไกของระบบการเงิน และเงินสกุลหลักของโลก
ในที่สุดโซเวียตก็ล่มสลายร่วมท้ังยุโรปตะวันออกที่พ่ายแพ้เกมสงครามเย็นทำให้โลกอยู่ภายใต้เสรีนิยมทุนนิยมที่เคลื่อนตัวเข้าไปครอบงำแทน
ในยุคสงครามเย็นที่สหรัฐเผชิญหน้ากับรัสเซีย จีนยังคงเป็นมังกรที่หลับไหลอยู่ ไม่ได้มีพลังทางเศรษฐกิจ หรือแสนยานุภาพทางทหาร จีนประสบกับความเสียหายย่อยยับจากสงครามฝิ่นกับอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ทำให้เสียเกาะฮ่องกง ตามมาด้วยสงครามกับ 8 ประเทศอันได้แก่เยอรมันนี ญี่ปุ่น รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ อิตาลีและออสเตรีย- ฮังการีรวมหัวกันรุมทึ้งจีน และต้องส่งกองกำลังทหารเข้ามารวม 46,000 นายในปี 1900 เพื่อรบพุ่งกับพวกกบฎนักมวย(Boxer Militia)ที่ราชวงศ์ชิงแอบให้การสนับสนุนเพื่อต่อต้านการรุกรานของต่างชาติ
ปรากฎว่าพวกกบฎนักมวยถูกปราบราบคาบ ทำให้จีนต้องเซ็นข้อตกลง Boxer Protocolและต้องจ่ายค่าปฏิมากรณ์สบครามเป็นเงินแท่ง และทรัพย์สินอื่นๆเป็นมูลค่าประมาณ $46,000
ล้านในปัจจุบันที่บวกเงินเฟ้อ เรียกได้ว่าท้องพระคลังของราชวงศ์ชิงถึงกับล้มละลายเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นอีก 10 ปี ราชวงศ์ชิงก็ล่มสลายจากการปฏิวัติของซุน
ยัดเซนที่เอาอุดมการณ์ตะวันตกมาล้มระบบจักรพรรดิจีนที่มีมายาวนานหลายพันปีไล่เลียงกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าจิ๋น ซีฮ่องเต้
เมื่อระบบดั้งเดิมล่มลาย จีนเข้าสู่โหมดของความปั่นป่วนวุ่นวายเคออส (chaos) มีระบบสาธารณะรัฐที่ง่อนๆ แง่นๆ เกิดการรบพุ่งที่นองเลือดเพื่อแย่งชิงอำนาจกัน หรือสงครามกลางเมือ ในขณะเดียวกัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการก่อตั้งขึ้นมาในปี 1921
จีนตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนกับรัสเซียที่ถูกส่งออกลัทธิมาร์กซ์สังคมนิยม/คอมมิวนิสต์ของคาร์ล มาร์กซ์ที่ไม่เอาศาสนา
ไม่เอารากเหง้าเดิม เชื่อในวิทยาศาสตร์แนววัตถุนิยมเพื่อทำลายโครงสร้างเดิมของประเทศ
มีการสู้รบกันระหว่างกองทัพปลดแอกประชาชนของเหมา เจ๋อตุง กับกองทัพก๊กมินตั๋งของนายพลเจียง ไคเช็คเพื่อชิงอำนาจ
แต่ทั้งสองฝ่ายยอมสงบศึกชั่วคราวในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา เพื่อรบกับญี่ปุ่นเพราะว่าจีนถูกญี่ปุ่นเข้ามารุกรานและยึดครองเมืองท่าและพื้นที่ต่างๆของประเทศ พร้อมกับปล้นทองคำไป
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกไปแล้ว เหมากับเจียงกลับมาทำศึกกันอีกคร้ัง อย่างที่เราทราบกันดี พวกก๊กมินตั๋งแพ้สงครามทำให้ต้องย้ายทัพไปปักหลักชั่วคราวที่เกาะไต้หวัน ส่วนเหมา เจ๋อตุง
และพรรคคอมมิวนิสต์มีอำนาจเด็ดขาดในการบริหารประเทศจีนที่เกิดใหม่ในปี 1949หลังสงครามโลกครั้งที่2เพียง4ปี
โดยเปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China)ท่ามกลางซากปลักหักพัง เกิดความยากจนและอดอยากไปทั่ว
จีนเป็นยักษ์หลับในช่วงสงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับโซเวียต เพราะว่าดูแล้ว ยังไม่มีพิษมีภัย ความจริงเฮนรี่ คิสซิงเจอร์
ซึ่งเป็นรมวต่างประเทศสมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน
และเป็นตัวแทนของวอลล์สตรีทและลอนดอนมีบทบาทสำคัญที่สุด หรือเป็นผู้ริเริ่มที่จะสร้างจีนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้จีนคานรัสเซีย และเพื่อใช้จีนเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้ตะวันตก โดยหวังว่าจะสามารถควบคุมจีนได้ผ่านระบบการเงิน และแสนยานุภาพทางทหาร
สหรัฐเริ่มต้นด้วยการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน โดยนิกสันเดินทางไปเยือนจีนเพื่อจับมือกับประธานเหมาในปี1972เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซียเพิ่มในสงครามเย็น จีนไม่ขัดข้องที่จะมีสัมพันธ์กับสหรัฐ เพราะว่าคอมมิวนิสต์จีนกับคอมมิวนิสต์รัสเซียมีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว สหรัฐประสบความสำเร็จอีกคร้ังในนโยบายแบ่งแยกและปกครอง
การเปิดสัมพันธ์กับสหรัฐนำไปสู่การย้ายฐานผลิตของบริษัทอเมริกันมาลงทุนที่จีนเมื่อจีนเปิดประเทศในปี 1979 เพื่อสร้างเศรษฐกิจจีนขึ้นมาใหม่ ให้จีนเป็นผู้ส่งออกสินค้ากลับไปให้ตะวันตกบริโภค โดยหวังว่าจะสามารถควบคุมให้จีนอยู่ในเกมได้ เพราะว่าสหรัฐมีแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือกว่าจีนอย่างเทียบไม่ได้
จีนถูกวางบทบาทให้เป็นคนงานโรงงานขายแรงงานถูกๆเพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทอเมริกัน ที่สำคัญจีนจะช่วยต่อยอดอายุของดอลล่าร์กระดาษที่ไม่มีทรัพย์สินหนุนหลัง เพราะว่าจีนต้องค้าขายด้วยดอลล่าร์ เมื่อได้ดอลล่าร์มาจะเอาดอลล่าร์ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำให้สหรัฐกลายเป็นเจ้ามือระบบการเงินโลก
จีนต้องพึ่งพาสหรัฐในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความระหองระแหงใจ หรือความไม่ไว้วางใจเริ่มก่อตัวปะทุขึ้น เมื่อคนงานจีนที่ขายแรงงานในโรงงานสามารถผันตัวเองกลายเป็นหลงจู๊ หรือเถ้าแก่ เป็นเจ้าของโรงงานสาระพัดได้ และมีแนวโน้มจะรวยกว่านายทุนวอลล์สตรีท และลอนดอน จึงทำให้เกิดสงครามเย็นรอบใหม่ขึ้นมาระหว่างสหรัฐกับจีนในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ศี จิ้นผิงก้าวขึ้นมามีอำนาจ
เพื่อสกัดไม่ให้โรงงานจีนรวยกว่านิวยอร์คกับลอนดอน
Thanong Khanthong, Editor
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved