Thailand
“ปูติน”จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย
17/3/2027
ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้งรัสเซียว่าปูติน จะยังคงรักษาชัยชนะของเขาได้อีกสมัยหรือไม่ สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับปูตินที่น่าสนใจ โดยเชื่อว่า ปูตินซึ่งเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของรัสเซียนับตั้งแต่สตาลิน น่าจะยังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานบทวิเคราะห์การเลือกตั้งรัสเซียว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียาวนานที่สุดจะยังคงชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ และนำเสนอบทความที่เกี่ยวกับปูตินและอนาคตของรัสเซีย ที่นับจากนี้จะอยู่ภายใต้การบริหารของปูตินต่ออีกสมัยว่า
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อ 6 ปีที่แล้ว วลาดิมีร์ ปูตินสร้างความยินดีให้กับฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยการฉายวิดีโอจำลองอาวุธเชิงกลยุทธ์ใหม่ล่าสุดของประเทศ ที่มีบางคนเล็งไปถึงแผนที่ฟลอริดาของอเมริกา
ล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมาปูตินได้สร้างความตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อเขาได้ทดสอบเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลำล่าสุดของรัสเซีย พร้อมออกคำเตือนอย่างตรงไปตรงมาไปยังสหรัฐฯ และยุโรปเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของเขา
ท่าทางดังกล่าวยังคงสะท้อนถึงความคิดของปูติน ที่ยังดูห้าวหาญทั้งที่ปีนี้เขามีอายุ 71 ปีแล้ว และกำลังเดินหน้าสู่สนามการเลือกตั้ง
บลูมเบิร์กรายงานว่า จนถึงปัจจุบันสถานการณ์ของปูตินยังเป็นข้อสรุปที่หลายฝ่ายคาดไม่ถึง และศัตรูของเขา ทั้งในและนอกรัสเซีย ดูจะไม่สามารถระงับความทะเยอทะยานของปูตินได้ ขณะที่สงครามในยูเครนก็ยังอยู่ในภาวะการณ์ที่เปลี่ยนมาเข้าข้างเขา
บทความของบลูมเบิร์ก ซึ่งอ้างอิงความเห็นของผู้ที่ใกล้ชิดปูตินในกรุงเครมลินระบุว่า หากวาระสุดท้ายของปูติน คือการพยายามสร้างระเบียบโลกให้เป็นไปตามแนวทางที่เขาชื่นชอบ ช่วงเวลานับจากนี้ปูตินคงเดินหน้าดำเนินการให้ความมุ่งมั่นของเขาประสบความสำเร็จ
บลูมเบิร์กยังอ้างถึงความเห็นของผู้ชำนาญการด้านการทหารว่า ขณะนี้ผู้นำรัสเซียกำลังเตรียมการเผชิญหน้าระยะยาวกับชาติตะวันตก และแม้ว่าสงครามในยูเครนจะยุติลง ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกวและเมืองหลวงทางตะวันตกก็ถูกตัดขาดและไม่สามารถฟื้นฟูได้ง่าย
“รัสเซียจำเป็นต้องสร้างโลกาภิวัตน์คู่ขนานเพื่อสร้างโลกใหม่” เซอร์เกย์ มาร์คอฟ ที่ปรึกษาทางการเมืองที่ใกล้ชิดกับฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีกล่าว “นั่นคือสิ่งที่ปูตินจะมุ่งเน้น”
บลูมเบิร์กรายงานถึงท่าทีของเจ้าหน้าที่ในเมืองเคียฟ ที่แสดงความกังวลต่อความก้าวหน้าในการครอบครองพื้นที่ของรัสเซียในยูเครนว่า ปูตินดูเหมือนจะเริ่มต้นวาระอีก 6 ปีกับกองกำลังของเขาในการรุกเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ในขณะที่พันธมิตรของยูเครนก็พยายามดิ้นรนที่จะจัดหากระสุนให้ยูเครน เพื่อให้เพียงพอต่อการสู้รบเช่นกัน
บทความของบลูมเบิร์ก ยังรายงานถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในเมืองเคียฟว่า แม้กลุ่มประเทศพันธมิตรหลายประเทศ ต่างพยายามที่จะส่งกองกำลัง และความสนับสนุนไปช่วยยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ แต่สถานการณ์ก็ยังรับรู้ได้ถึงความไม่ชัดเจน และไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับยูเครน เพราะแม้แต่ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ มากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ยังคงหยุดชะงัก เนื่องจากข้อพิพาททางการเมืองระหว่างฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส
ขณะที่ประเทศอื่นๆก็ไม่ต่างกัน เมื่อเครมลินกำลังบีบบังคับประเทศ เช่น มอลโดวา รัฐบอลติก และในภูมิภาคคอเคซัส โยยกสาเหตุเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยของรัสเซีย ผู้นำยุโรปเองก็เตือนอย่างเปิดเผยว่า มีโอกาสที่รัสเซียจะโจมตีประเทศสมาชิก NATO และตั้งข้อสงสัยว่า สหรัฐฯ จะละทิ้งพวกเขาหรือไม่ หากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน
ขณะเดียวกันบลูมเบิร์กยังชี้ให้เห็นว่า ปูตินยังขยายพื้นที่ซึ่งสร้างความท้าทายโลกตะวันตกต่อไปในหมู่ประเทศทางตอนใต้ของโลก และลดมาตรการคว่ำบาตรของรัสเซียต่อนานาชาติ เขาส่งธัญพืชไปยังหกประเทศในแอฟริกา ซึ่งบางประเทศสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของเขาในสหประชาชาติและความพยายามบ่อนทำลายชาติตะวันตก
ปูตินยังเตรียมการที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดในเดือนตุลาคมร่วมกับผู้นำของจีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และบราซิล รวมถึงสมาชิกใหม่ของ BRICS อิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
บลูมเบิร์กอ้างถึงผู้เชี่ยวชาญอีกรายหนึ่งที่ระบุว่า ปูตินมองเห็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระดับโลกเพื่อประโยชน์ของรัสเซีย และเขาตั้งใจที่จะคว้ามันไว้ในระยะต่อไป
“โดยธรรมชาติแล้ว เราจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างการประสานงานด้านนโยบายต่างประเทศ” ปูตินกล่าวในแถลงการณ์ นอกจากนี้ กลุ่มจะพิจารณาประเทศอื่นๆ ประมาณ 30 ประเทศที่เข้าร่วมวาระ BRICS เขากล่าว
บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า ปูติน ซึ่งเป็นอดีตสายลับเคจีบี กำลังทำให้สงครามเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อตั้งกลุ่มชนชั้นสูงทางการเมืองและธุรกิจของรัสเซีย ซึ่งกลุ่มนี้ถูกลัทธิชาตินิยมสร้างขึ้นมาเพื่อแทนที่สิ่งที่เกิดขึ้นจากลัทธิทุนนิยมอันดุเดือดในทศวรรษ 1990 ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ในบทความของบลูมเบิร์ก ยังรายงานว่า รัฐบาลในกรุงเครมลิม พยายามที่สกัดฝ่ายที่ต่อต้านหรือคัดค้านนโยบายของปูติน โดยระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ต่างจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา เพราะเครมลินไม่อนุญาตให้แม้แต่ผู้สมัครอิสระในเชิงสัญลักษณ์ลงสมัครในครั้งนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า การเสียชีวิตของอเล็กเซย์ นาวาลนีในเรือนจำอาร์กติก ที่เกิดขึ้นช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ขจัดสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านที่ทรงพลังที่สุดของรัสเซีย ในขณะที่หลายพันคนยังคงท้าทายตำรวจปราบจลาจล แต่ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในการควบคุมของเครมลินที่ขู่ว่า จะเอาผิดกับผู้ที่มาเข้าร่วมแสดงความเคารพในงานศพของนาวาลนี แต่เมื่อสอบถามไปยังสื่อของรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทุกฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมรับว่า มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
บลูมเบิร์กยังอ้างถึงการให้ความเห็นของบรรดาผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของปูติน
บรรดาผู้ที่ลากประเทศของเราลงไปสู่หลุมนั้นเป็นตัวแทนของระเบียบเก่า ชรา และล้าสมัย” ออร์ลอฟกล่าวก่อนที่เขาจะถูกจำคุกเป็นเวลาสองปีครึ่ง “พวกเขาไม่มีวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต มีแต่เรื่องเล่าเท็จเกี่ยวกับอดีต ความหลงผิดของ 'ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ'”
นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศของเขาหลังความวุ่นวายในช่วงทศวรรษ 1990 ปูตินไม่ได้เปิดเผยความลับในการคร่ำครวญถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในฐานะมหาอำนาจโลก ข้อกังวลในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงแถบบอลติก คือเขาจะทุ่มเทความพยายามแค่ไหนในการฟื้นฟู
มีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นว่ารัสเซียมีข้อได้เปรียบทางทหารในยูเครน “และรู้สึกถึงความอ่อนแอและความแตกแยกของชาติตะวันตก” ทาเทียนา สตาโนวายา ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเมือง อาร์.โพลิติก และเพื่อนอาวุโสของคาร์เนกี รัสเซีย ยูเรเซียเซ็นเตอร์ กล่าว ฟิโอนา ฮิลล์ อดีตที่ปรึกษาระดับสูงของทำเนียบขาวในรัสเซียกล่าวว่า ปูตินต้องการแสดงให้เห็นว่าสงครามจะได้ผล และ “เขาคือผู้ที่ยินดีจะสู้รบกับมันตราบเท่าที่ยังต้องใช้เวลา”
ยิ่งปูตินประสบความสำเร็จในยูเครนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเต็มใจที่จะยุติสงครามน้อยลงเท่านั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสของยุโรปคนหนึ่งกล่าว แม้ว่าปูตินจะไม่ชนะในปีนี้ แต่เขาจะไม่แพ้เช่นกัน นักการทูตอาวุโสยุโรปอีกคนกล่าว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเศรษฐกิจของรัสเซียยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตรทั้ง 7 กลุ่ม จีน อินเดีย บราซิล และประเทศอื่นๆ ยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียในปริมาณมาก ในขณะที่สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะกำหนดข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น
การนำเข้าของรัสเซียในปีที่แล้วกลับสู่ระดับก่อนสงคราม เนื่องจากกระแสสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากจีนช่วยชดเชยการล่มสลายของสินค้นจากยุโรป เงินหยวนของจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการซื้อขายทั้งหมดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัสเซียเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม
ความพยายามบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น ทำให้เกิดอันตรายต่อความแปลกแยกของประเทศสำคัญๆ ในโลกซีกโลกใต้ และลดความโดดเดี่ยวของรัสเซีย” โธมัส เกรแฮม อดีตผู้อำนวยการอาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ที่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในนิวยอร์ก กล่าว . “ความท้าทายสำหรับตะวันตกและยูเครนคือการโน้มน้าวรัสเซียว่า ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในสนามรบได้”
เป้าหมายเร่งด่วนของชาติตะวันตกคือ การทำให้ยูเครนยังคงประคับประคองสถานการณ์ได้นานเพียงพอสำหรับการผลิตกระสุนให้ทัดเทียมกับระดับของรัสเซียภายในปี 2568 นักการทูตอาวุโสยุโรปกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานความเห็นของนักการทูตอาวุโสยุโรปรายหนึ่งว่า ความหวังเดียวเวลานี้ ก็คือ ทรัพยากรของรัสเซียจะถูกขนำไปใช้มากขึ้นจากสถานการณ์สงครมม รัสเซียกำลังเผาเงินในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของตน โดยใช้ไปในความพยายามที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากผลกระทบจากสงคราม และการใช้จ่ายด้านการเงินด้านกลาโหม ธนาคารแห่งรัสเซียได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 16% เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่รัฐบาลได้กำหนดการควบคุมค่าเงินเพื่อรับมือกับการตกต่ำของรูเบิล
เงินเดือนในรัสเซียพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสงครามทำให้แรงงานหมดไป จนถึงขณะนี้ เครมลินหลีกเลี่ยงการระดมกองหนุนที่ไม่เป็นที่นิยมซ้ำแล้วซ้ำอีกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 โดยเสนอค่าตอบแทนที่สูงสำหรับอาสาสมัครที่จะสมัครสู้รบ แม้ว่าคนหลายแสนคนจะถูกสังหารหรือบาดเจ็บในยูเครนก็ตาม
รัสเซียยังคงเผชิญกับความท้าทายในการรักษาการไหลเวียนของกำลังทหารที่พร้อมรบ เพื่อช่วยให้กองกำลังของตนรุกคืบในขณะที่ยูเครนรุกเข้ามาในขณะที่รอความช่วยเหลือเพิ่มเติมมาถึง
สงครามเป็นเกมที่โหดร้ายที่สุด ตามที่ Kusti Salm ปลัดกระทรวงกลาโหมเอสโตเนียกล่าว เขาประเมินว่า รัสเซียสามารถฝึกและจัดกำลังทหารได้ประมาณ 40,000 นายในระยะเวลาหกเดือน นั่นหมายความว่า ยูเครนจำเป็นต้องกำจัดมากกว่าจำนวนดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อหยุดการสร้างรัสเซียใหม่ เขากล่าว และแสดงให้เห็นว่าสามารถทำเช่นนั้นได้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
“ปูตินต้องตระหนักในช่วงหนึ่งว่าเขาทำผิดพลาดอันน่าสยดสยอง” ประธานการประชุมความมั่นคงแห่งมิวนิก คริสตอฟ ฮอยสเกน กล่าว ปัจจุบันคริสตอฟ เป็นผู้ช่วยตัวแทนในการเจรจาข้อตกลงมินสค์ปี 2015 เพื่อยุติการสู้รบในยูเครนตะวันออกในฐานะที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของอดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล
บลูมเบิร์ก ระบุว่า อย่างไรก็ตาม สงครามส่งผลกระทบต่อความนิยมภายในประเทศของปูตินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะจากการสำรวจชาวรัสเซีย 1,600 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคมโดยกลุ่มสำรวจ VTsIOM ในมอสโก รายงานระบุว่า มากกว่า 77% เห็นด้วยกับผลงานของประธานาธิบดี
ขณะที่แรงผลักดันในสนามรบเริ่มเคลื่อนตัว ปูตินกำลังขี่กระแสลัทธิชาตินิยมที่ทำให้เขาเป็นผู้นำของ "โลกรัสเซีย" โดยยืนยันสิทธิ์ในการปกป้องประชากรที่พูดภาษารัสเซียในอดีตสหภาพโซเวียต ข้อโต้แย้งเดียวกันนี้ถูกใช้เพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมของการยึดไครเมียของปูตินในปี 2014 และการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อสองปีก่อน
นั่นกระตุ้นให้เกิดความกลัวว่าจะมีการยึดที่ดินมากขึ้นเพื่อวาดเขตแดนของรัสเซียใหม่ หากปูตินได้รับชัยชนะในยูเครน ความตึงเครียดพุ่งสูงขึ้นในมอลโดวาหลังจากเจ้าหน้าที่โปรรัสเซียในภูมิภาคทรานส์นิสเตรียที่มีพรมแดนติดกับยูเครนยื่นคำร้องต่อมอสโกเพื่อขอความคุ้มครองทางการเมืองเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้เรียกทูตจากลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนียเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อกล่าวหารัฐบอลติก 3 รัฐและสมาชิก NATO ทั้งหมดว่า “บ่อนทำลาย” จากการเตรียมการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่สถานทูตในวันที่ 15-17 มีนาคม โดยเตือนถึง “การประท้วงอย่างรุนแรง” โดยชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้ เว้นแต่ปัญหาจะได้รับการแก้ไข
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา รัสเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่จากประเทศแถบบอลติก รวมทั้งนายกรัฐมนตรีคาจา คัลลาส ของเอสโตเนีย อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องการ เนื่องจากมีการตัดสินใจรื้อถอนอนุสรณ์สถานสมัยโซเวียตในประเทศของตน
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ตำหนิอาร์เมเนียหลังจากนายกรัฐมนตรี นิโคล ปาชินเนียน ระงับความร่วมมือในกลุ่มกลาโหมที่นำโดยมอสโก และหันไปขอความช่วยเหลือจากยุโรป ส่งผลให้สถานการณ์ความตึงเครียดยังคงดำเนินต่อไปกับอาเซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน อาร์เมเนียเป็นที่ตั้งของฐานทัพต่างประเทศเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในภูมิภาคคอเคซัส
“ผู้นำอาร์เมเนียตัดสินใจพึ่งพาประเทศนอกภูมิภาคที่กำลังติดพันเยเรวาน โดยสัญญาว่าจะช่วยเหลือในทุกปัญหา และมีเพียงอาร์เมเนียเท่านั้นที่จะยุติความสัมพันธ์กับรัสเซีย” ลาฟรอฟ กล่าวในการประชุมเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ในเมืองอันตัลยาของตุรกี “ชาวตะวันตกไม่ได้ปิดบังสิ่งนี้ นี่คือเป้าหมายหลักในความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียกลาง อาร์เมเนีย และรัฐอื่นๆ หลังสหภาพโซเวียต”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา รัสเซียไม่ได้ถูกละเลยจากภาคประชาสังคม เพราะอยู่ในการเฝ้าสังเกตุจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด
ปูติน ซึ่งเป็นผู้ปกครองเครมลินที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ผู้นำโซเวียต โจเซฟ สตาลิน ปูตินดูแลการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งรุนแรงขึ้นหลังจากที่เขาสั่งบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
แม้ว่าการปราบปรามดูไม่รุนแรงเหมือนช่วงทศวรรษ 1930 ภายใต้การปกครองของสตาลิน แต่การกดขี่นั้น “มีความโหดร้ายเท่ากัน และเนื่องจากผลกระทบของสื่อ ผู้คนจึงมีความกลัวโดยสิ้นเชิง” อิรินา เชอร์บาโควา นักประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่ม Memorial กล่าวเป็นสำหรับกลุ่ม Memorial เป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่ถูกแบนโดยปูติน
บทความของบลูมเบิร์กระบุว่า ในช่วงสงคราม รัสเซียเสี่ยงที่จะตกเป็นเผด็จการที่ต้องการความภักดีอย่างที่สุด ผู้สมัครอีกสามคนในบัตรลงคะแนนสุดสัปดาห์นี้ เป็นตัวแทนของพรรคที่ภักดีทั้งหมด และไม่ได้เสแสร้งว่าจะแข่งขันกับปูตินด้วยซ้ำ
นั่นหมายความว่าสิ่งที่เครมลินต้องการมากที่สุด คือ การได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมากจากชาวรัสเซียที่ไม่แยแส เพื่อให้แน่ใจว่าชัยชนะของปูตินดูล้นหลาม และสามารถสนับสนุนเรื่องเล่าของ เครมลินที่ว่า ประเทศนี้เป็นหนึ่งเดียวกันเบื้องหลังการเผชิญหน้าของเขากับตะวันตก
สองปีหลังจากการเริ่มสงคราม “มีความเหนื่อยล้ามาก มีความสูญเสียมาก มีความผิดหวังมาก และปูตินก็ยังคงอยู่” ยูเลีย นาวัลนายา ภรรยาม่ายของนาวาลนีกล่าวกับรัฐสภายุโรปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ “ทุกอย่างถูกใช้ไปแล้ว อาวุธ เงิน การลงโทษ ไม่มีอะไรทำงาน และที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น และทุกคนเริ่มเคยชินกับสงคราม”
IMCT News
อ้างอิง สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
© Copyright 2020, All Rights Reserved